แรกสุดขอให้เข้าใจว่า มือถือที่เราคุ้นเคยกันมานาน ใช้โทรคุยด้วยเสียง ใช้ส่ง SMS ได้
ถูกเรียกว่าเป็นมือถือแบบ 2G อันนี้ทุกคนคงเข้าใจตรงกัน
ถูกเรียกว่าเป็นมือถือแบบ 2G อันนี้ทุกคนคงเข้าใจตรงกัน
ยุคต่อมา เมื่อผู้ใช้มีความต้องการให้มือถือต่ออินเทอร์เน็ตได้ ทางบริษัทมือถือก็ทำเทคโนโลยีชื่อ
EDGE ที่เล่นเน็ตได้บนระบบ 2G ขึ้นมา ยุคนี้เทียบเป็นตัวเลขคือ 2.5G
EDGE ที่เล่นเน็ตได้บนระบบ 2G ขึ้นมา ยุคนี้เทียบเป็นตัวเลขคือ 2.5G
แต่ความต้องการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงก็ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เราจึงเข้าสู่ยุค 3G
ที่เอาเข้าจริงแล้วแบ่งเป็นรุ่นย่อยๆ มากมาย
ที่เอาเข้าจริงแล้วแบ่งเป็นรุ่นย่อยๆ มากมาย
3G รุ่นแรกในบ้านเราคือระบบของ Hutch ที่ความเร็วสูงกว่า EDGE แต่ก็ยังไม่เยอะมากนัก
ส่วน 3G ที่เราเห็นโฆษณากันในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นของ AIS/DTAC/TRUE น่าจะเรียกว่าเป็น
3.5G หรือ 3.7G ที่มีความเร็วเพิ่มกว่า 3G ยุคแรกมาก
ส่วน 3G ที่เราเห็นโฆษณากันในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นของ AIS/DTAC/TRUE น่าจะเรียกว่าเป็น
3.5G หรือ 3.7G ที่มีความเร็วเพิ่มกว่า 3G ยุคแรกมาก
ชื่อมาตรฐานทางเทคนิคในยุค 3.5G-3.75G จะขึ้นต้นด้วย “HS” ครับ ซึ่งมีหลายตัวอย่างเช่น
HSDPA, HSUPA, HSPA+ ซึ่งผมคงไม่ลงรายละเอียดเพราะจะงงกันเปล่าๆ แต่สรุปง่ายๆ
ว่าถ้าเห็นชื่อเหล่านี้ ให้เข้าใจว่ามันคือเทคโนโลยียุค 3.5G หรือ 3.75G ประมาณนี้
HSDPA, HSUPA, HSPA+ ซึ่งผมคงไม่ลงรายละเอียดเพราะจะงงกันเปล่าๆ แต่สรุปง่ายๆ
ว่าถ้าเห็นชื่อเหล่านี้ ให้เข้าใจว่ามันคือเทคโนโลยียุค 3.5G หรือ 3.75G ประมาณนี้

ตัวอย่างโฆษณา LTE ของ Verizon ในสหรัฐ ที่ใช้ตัวเลข 4G
ทีนี้มาถึงคำถามสำคัญว่า 4G คืออะไร? คำตอบแบบง่ายๆ ฟันธงไม่มีครับ เพราะ 4G
มีความหมายทั้งในแง่มาตรฐานทางเทคนิคและชื่อทางการค้า
มีความหมายทั้งในแง่มาตรฐานทางเทคนิคและชื่อทางการค้า
ช่วงนี้เราจะเริ่มเห็นเทคโนโลยีชื่อว่า LTE กันบ้างแล้ว ตามความหมายทางวิศวกรรมแล้ว LTE น่าจะถือเป็นยุค 3.9G แต่ผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือ-โอเปอเรเตอร์ในต่างประเทศต่างโฆษณา
ในเชิงพาณิชย์ว่า LTE เป็น 4G กันเรียบร้อยแล้ว เพื่อหวังผลทางการตลาดให้รู้สึกว่าเป็นเทคโนโลยีใหม่กว่า 3G
ในเชิงพาณิชย์ว่า LTE เป็น 4G กันเรียบร้อยแล้ว เพื่อหวังผลทางการตลาดให้รู้สึกว่าเป็นเทคโนโลยีใหม่กว่า 3G
บางประเทศเริ่มให้บริการ LTE กันแล้ว เช่น ในสหรัฐ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ตอนนี้ผู้ผลิตมือถือรายใหญ่ๆ
อย่างซัมซุงหรือแอลจีก็เริ่มทำมือถือที่มี LTE ขายกันแล้ว เพียงแต่ยังขายเฉพาะในประเทศที่มี LTE
บริการเท่านั้น (อีกไม่ช้าเราจะได้เห็น iPhone LTE อย่างแน่นอนครับ)
อย่างซัมซุงหรือแอลจีก็เริ่มทำมือถือที่มี LTE ขายกันแล้ว เพียงแต่ยังขายเฉพาะในประเทศที่มี LTE
บริการเท่านั้น (อีกไม่ช้าเราจะได้เห็น iPhone LTE อย่างแน่นอนครับ)
ผมขอสรุปแบบรวบรัดว่า ในที่สุดแล้วเราคงจะต้องเรียกเทคโนโลยี LTE ว่าเป็น 4G อย่างแน่นอน
เพราะพลังแห่งการประชาสัมพันธ์ทำให้ผู้บริโภคเข้าใจว่า LTE คือ 4G กันอย่างแพร่หลาย
เพราะพลังแห่งการประชาสัมพันธ์ทำให้ผู้บริโภคเข้าใจว่า LTE คือ 4G กันอย่างแพร่หลาย
ข้อดีของ LTE ก็คือมันเร็วขึ้นกว่า 3G ในปัจจุบันอีกหลายเท่า ซึ่งจะช่วยให้เราใช้งานมือถือในรูปแบบใหม่ๆ
ได้อีกมาก (เช่น ดูหนังผ่านมือถือแบบที่ไม่ต้องโหลดหนังเก็บไว้ก่อน)
ได้อีกมาก (เช่น ดูหนังผ่านมือถือแบบที่ไม่ต้องโหลดหนังเก็บไว้ก่อน)
อีกประเด็นที่ต้องชี้แจงให้ชัดคือ 2G/3G/4G สามารถใช้งานพร้อมกันได้นะครับ เพราะมือถือหนึ่งเครื่อง
จะรองรับทั้ง 3 ระบบ ถ้าอยู่ในพื้นที่ที่มี 4G รองรับก็ใช้เน็ตเร็วหน่อยผ่าน 4G, ถ้าไม่มี 4G ให้ใช้ก็ถอยลงมาใช้
3G ที่ช้าลงมาหน่อย หรือถ้าจะคุยด้วยเสียงอย่างเดียวก็ใช้แค่ 2G ที่เมืองไทยมีโครงข่ายครอบคลุมมาตั้งนานแล้วก็พอ
Credit : โดย อิสริยะ ไพรีพ่ายฤทธิ์
เผยแพร่ครั้งแรกใน ไทยรัฐออนไลน์ 1 มีนาคม 2555 /
จะรองรับทั้ง 3 ระบบ ถ้าอยู่ในพื้นที่ที่มี 4G รองรับก็ใช้เน็ตเร็วหน่อยผ่าน 4G, ถ้าไม่มี 4G ให้ใช้ก็ถอยลงมาใช้
3G ที่ช้าลงมาหน่อย หรือถ้าจะคุยด้วยเสียงอย่างเดียวก็ใช้แค่ 2G ที่เมืองไทยมีโครงข่ายครอบคลุมมาตั้งนานแล้วก็พอ
Credit : โดย อิสริยะ ไพรีพ่ายฤทธิ์
เผยแพร่ครั้งแรกใน ไทยรัฐออนไลน์ 1 มีนาคม 2555 /