นิคมอุตสาหกรรม ทวาย โครงการเมกะโปรเจกต์ของพม่า



โครงการเมกะโปรเจกต์ของรัฐบาลพม่าอย่างแท้จริงในการเปิดพื้นที่พิเศษทางด้านเศรษฐกิจ
 และอุตสาหกรรมบนเนื้อที่กว่า 2 แสนไร่ มีท่าเรือน้ำลึกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
สามารถรองรับเรือขนาดบรรทุก 3 แสนเมตริกตัน โดยท่าเรือน้ำลึกถูกวางแผนในการรับ
สินค้ามากถึง 20 ล้านตัน ภายในโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะมีการลงทุนทั้งด้านปิโตรเคมี
โรงงานอุตสาหกรรม โรงไฟฟ้า การวางแผนให้นิคมอุตสาหกรรมทวายมีขนาดใหญ่เช่นนี้
ตัวโครงการจึงมีมูลค่าสูงถึงกว่า 60,000 ล้านเหรียญสหรัฐหรือกว่า 1.8ล้านล้านบาท
นับว่าเป็นโครงการลงทุนที่ใหญ่ติดอันดับโลกแห่งหนึ่งและถือได้ว่าเป็นโครงการที่ใช้เงินลงทุน
มหาศาลมากสำหรับประเทศที่ปิดตัวเองมาอย่างยาวนาน  รัฐบาลพม่าเองมุ่งหวังและต้องการ
ที่จะใช้ในการดึงดูดนักลงทุนข้ามชาติเข้ามาตั้งอุตสาหกรรมหนัก โดยอาศัยข้อได้เปรียบจาก
ตัวประเทศพม่าเองที่มีทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ทั้งบนดินและชายฝั่งทะเล
การเกิดโครงการทวายนี้สอดรับกับตัวยุทธศาสตร์ระเบียงเศรษฐกิจตะวันออกจรดตะวันตก
หรือ East-West Economic Corridor  โดยทวายจะกลายเป็นทางออกสู่ทะเลจุดใหม่
ที่สำคัญมากต่ออาเซียน เพราะในอดีตทางออกสู่มหาสมุทรอินเดียจำเป็นต้องใช้ท่าเรือ
ของสิงคโปร์เท่านั้น ขณะเดียวกันโปรเจกต์ทวายนี้ยังเป็นต้นทางรับสินค้าจากฝั่งมหาสมุทร
อินเดียหรือสินค้าที่มาจากฝั่งยุโรปและตะวันออกกลาง โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มพลังงา
ไม่ว่าจะเป็นน้ำมัน ก๊าซ ซึ่งจะถูกนำเข้าและแปรรูปในโรงงานปิโตรเคมีภายในพื้นที่โปรเจกต์ทวาย
 เพื่อส่งผ่านไทยเข้าไปยังประเทศกลุ่มอินโดจีนเช่น ลาว กัมพูชา และไปสิ้นสุดปลายทาง
ยังท่าเรือดานังประเทศเวียดนาม และจะถูกส่งออกไปยังเอเชียตะวันออกอย่างญี่ปุ่นและจีน





ขณะเดียวกันสินค้าบางส่วนแต่จะมีจำนวนที่มีปริมาณมากขึ้นกว่าในอดีตที่มาออกยังท่าเรือแหลมฉบัง
 จะทำให้ท่าเรือแหลมฉบังถูกทำให้กลายเป็นท่าเรือเชิงยุทธศาสตร์ของภูมิภาคไปโดยปริยาย
การเกิดเส้นทางใหม่ในครั้งนี้ ถ้ามองว่าเริ่มต้นด้วยโครงการทวายแล้ว นั่นแสดงถึงว่าการลดความเสี่ยง
จากการพึ่งพาช่องแคบมะละกาในการขนถ่ายสินค้าไปยังเอเชียตะวันออกจะลดลง เพราะช่องแคบ
มะละกามีความเสี่ยงมากขึ้นจากกรณีโจรสลัดทางทะเลที่เพิ่มขึ้น
การเกิดโครงการทวายส่วนหนึ่งจึงเป็นการตอบโจทย์ของยุทธศาสตร์ประเทศไทยข้อหนึ่งในการเป็
นประเทศทางผ่านของการขนถ่ายสินค้าในเอเชียที่มหาอำนาจอย่างจีน ญี่ปุ่น อินเดียให้ความสำคัญ
เป็นอย่างมาก เมื่อการเกิดโครงการทวายเกิดขึ้น ระเบียงเศรษฐกิจต่างๆที่มีการวางโครงร่างไว้
 จะทำให้ประเทศไทยในภาคบริการส่วนหนึ่งจะกลายเป็น Trader หรือ นายหน้าในการขายสินค้า
และบริการของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เชื่อมกับเอเชียกลาง, เอเชียใต้ และเอเชียตะวันออก
ซึ่งแต่เดิมเป็นบทบาทของสิงคโปร์
แต่ทว่าอีกด้านหนึ่งของโปรเจกต์ทวายกำลังรับความท้าทายครั้งใหม่และสำคัญมากๆ เมื่อมองจากข่าว
ของรัฐบาลพม่าต่อการทำโครงการใหม่ๆที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งก่อนหน้าไม่กี่สัปดาห์พม่า
ได้ยกเลิกการสร้างเขื่อนผลิตไฟฟ้าพลังน้ำมูลค่า 3.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐซึ่งเป็นโครงการสัมปทาน
การก่อสร้างและผลิตไฟฟ้าของบริษัทจากประเทศจีน และเมื่อมาให้ยกเลิกโรงงานผลิตไฟฟ้าจากถ่านหิน
ที่มีกำลังผลิตไฟฟ้า 4,000 เมกะวัตต์ เพราะการต่อต้านจากคนในท้องที่ ซึ่งล่าสุดทางอิตัลไทยได้ออกมา
ให้ข่าวว่าได้เตรียมเปลี่ยนเชื้อเพลิงในการผลิตกระแสไฟฟ้าไปแล่ว
การที่รัฐบาลพม่าระงับการก่อสร้างโครงการที่อาจก่อมลภาวะและส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอาจมาจากการ
ที่รัฐบาลพม่าที่พึ่งขึ้นมารับตำแหน่งใหม่ต้องการปรับยุทธศาสตร์ของประเทศใหม่ โดยการเพิ่มการลงทุน
ในอุตสาหกรรมที่มีความปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น พร้อมไปกับการบริหารความสัมพันธ์กับประเทศ
มหาอำนาจอย่างจีนที่เข้ามามีอิทธิพลและบทบาททางเศรษฐกิจของพม่าเป็นอย่างมาก และพร้อมไปกับการ
บริหารความสัมพันธ์กับไทยที่เข้ามาลงทุนในโครงการใหญ่ๆที่ต้องการให้ปรับเพื่อให้เข้ากับรัฐบาลใหม่ของพม่า
การที่พม่าตัดสินใจไม่สร้างเขื่อนซึ่งถูกสัมปทานไปโดยบริษัทจากจีนอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการลดบทบาท
หรืออิทธิพลของธุรกิจจีนในพม่าแต่เป็นการลดอย่างค่อยเป็นค่อยไป นั่นทำให้การให้ยกเลิกการผลิตกระแส
ไฟฟ้าจากถ่านหินในโครงการทวายที่บริหารของคนไทยเป็นตัวรักษาสมดุลทั้งด้านเศรษฐกิจและอำนาจกับจีน
ที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าพม่าบริหารความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเก่งเป็นอย่างยิ่งแม้ว่าตัวเองจะค่อนข้างปิดตัวเอง
ก็ตาม นั่นหมายความว่าโครงการนิคมอุตสาหกรรมทวายกำลังถูกนำไปเป็นขาข้างหนึ่งในการถ่วงดุลกับ
โครงการลงทุนอื่นที่จีนกำลังจะเข้ามาลงทุนทำในพม่ามากขึ้น
การที่โครงการทวายนี้มีขนาดใหญ่และใช้เงินลงทุนมหาศาล รัฐบาลพม่าย่อมหวังผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ
ของตัวเองเป็นอย่างยิ่งเพราะจะเป็นจุดกระโดดที่สำคัญในการเชื่อมต่อเศรษฐกิจในประเทศพม่าที่ถูกควบคุ
มโดยทหารมายาวนานเปลี่ยนรูปเปลี่ยนร่างและสามารถเชื่อมต่อกับเศรษฐกิจทุนนิยมได้มากขึ้น
กลุ่มที่ควบคุมเศรษฐกิจเดิมของพม่าอย่างเช่นกลุ่มทหารหรือผู้ใกล้ชิดกลุ่มทหาร ย่อมคาดหวังว่าการเกิด
โครงการทวายจะทำให้ตนเองได้รับผลประโยชน์มากขึ้นและทำให้ภาพการควบคุมเศรษฐกิจโดยทหารพร่าเลือนลง
การเกิดโครงการทวายจึงน่าจะเป็นจุดเริ่มต้นจุดหนึ่งของการปฏิรูปประเทศในเชิงเศรษฐกิจของพม่า
ซึ่งพม่าได้ปฏิรูปการเมืองของตนเองไปแล้ว การพัฒนาทางเศรษฐกิจจึงเป็นตัวสำคัญตัวหนึ่งที่เลี่ยงไม่ได้
ในการปฏิรูประบบของประเทศพม่า ความสำคัญของโครงการทวายจึงมีความสำคัญสูงมากๆนอกเหนือจาก
แค่โครงการลงทุนด้วยเม็ดเงินมหาศาล เพราะถ้าไม่สำเร็จพม่าก็ไม่อาจไปต่อได้ในระยะยาว
Credit ขอบคุณแหล่งข้อมูล http://www.siamintelligence.com/