All New Triton - มิตซูบิชิ ประเทศไทย เปิดตัว All-new Mitsubishi Triton


  • fdสนับสนุนเนื้อหา 
โดย Sanook !
มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เปิดตัว All-new  Triton พร้อมนวัตกรรมดีเซล “ไมเวค วีจี เทอร์โบ อลูมินัม อัลลอย บล็อก” ขนาด 2.4 ลิตร ใหม่ล่าสุด มีให้เลือกทั้งรุ่น ดับเบิ้ล แค็บ พลัส และ ดับเบิ้ล แค็บขับเคลื่อน 4 ล้อ 

     มิตซูบิชิ ไทรทัน ใหม่  เป็นเจนเนอเรชั่นที่ 5 ของรถกระบะมิตซูบิชิที่ได้รับการพัฒนาขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์การเป็นที่สุดของรถกระบะอเนกประสงค์แบบสปอร์ต “Ultimate Sport Utility Truck” ที่ไม่ได้จำกัดแค่เพียงการบรรทุกเพื่อการพาณิชย์ แต่ยังรวมไปถึงความสะดวกสบายอย่างรถยนต์นั่งสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันด้วยแนวคิด “เปลี่ยน ...ทุกความเชื่อ”

     ดีไซน์ของ Mitsubishi Triton ใหม่ มาพร้อมการออกแบบใหม่แบบ 3 มิติ ให้ความรู้สึกแตกต่างกันเมื่อมองจากด้านหน้า ด้านบน และด้านข้าง มุมมองด้านข้างเน้นความเป็นหนึ่งเดียวของห้องโดยสารกับกระบะบรรทุกให้ความรู้สึกถึงการขับเคลื่อนไปข้างหน้า รวมถึงติดตั้งล้ออัลลอยดีไซน์สไตล์สปอร์ต ขนาด 17 นิ้ว 
     การออกแบบด้านหลังมีความโค้งมนทันสมัย ชุดไฟท้ายมาพร้อมการออกแบบสไตล์รถเก๋งให้ทอดยาวไปจนถึงด้านข้างของกระบะ

     อุปกรณ์ภายนอกของ Mitsubishi Triton ใหม่ ติดตั้งไฟหน้าโปรเจคเตอร์แบบ HID เน้นดีไซน์หรูหรา พร้อมไฟ Daytime Running Light แบบ LED รับกับกระจังหน้าโครเมี่ยมขนาดใหญ่ โดยในรุ่นเมกะแค็บมาพร้อมความสะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วยประตูแค็บเปิดได้ สำหรับกระบะท้ายได้รับการออกแบบใหม่สไตล์สปอร์ตพร้อมการเพิ่มพื้นที่การบรรทุกเพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการด้านการบรรทุกที่หลากหลาย

     ห้องโดยสารภายในยังติดตั้ง ระบบแอร์อัตโนมัติแยกปรับซ้าย-ขวา (ในรุ่น GLS NAVI) กุญแจอัจฉริยะ KOS (Keyless Operation System)  พร้อมปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ ระบบ Cruise Control เครื่องเสียงพร้อมจอภาพแบบระบบสัมผัส ขนาด 7 นิ้ว ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย (Bluetooth) ระบบนำทางในรถ (Navigator System) ที่ล้ำสมัย และช่อง USB  สำหรับอุปกรณ์ต่อพ่วง
     ทั้งยังติดตั้งกล้องมองหลัง มาตรวัดแบบ Combination meter พร้อมจอแสดงผลข้อมูลเอนกประสงค์ (Multi-information display)  เช่น ความเร็วเฉลี่ยในการขับขี่  อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ย ระยะทางขับขี่ที่เหลือจากปริมาณน้ำมันที่มีอยู่ในถัง เป็นต้น

     Mitsubishi Triton 2015 ใหม่ มีเครื่องยนต์ให้เลือกด้วยกัน 4 รุ่น เริ่มจากเครื่องยนต์ใหม่ รหัส4N15 แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว  MIVEC วีจีเทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ 2,442 ซีซี. ให้กำลังสูงสุด 181 แรงม้าที่ 3,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตรที่  2,500 รอบต่อนาทีประหยัดน้ำมันมากขึ้นถึง 20% โดยใช้วัสดุ อลูมินัม อัลลอย บล็อก (Aluminum Alloy Block) ที่น้ำหนักเบาช่วยให้สามารถลดน้ำหนักของเครื่องยนต์โดยรวมได้ถึง 35 กิโลกรัม

     นอกจากนั้นยังมี เครื่องยนต์ดีเซลรหัส 4D56 ขนาด 2.5 ลิตร เทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ คูลเลอร์ ให้สมรรถนะสูงสุด 128 แรงม้า  ที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 240 นิวตัน-เมตร ที่ 1,500-3,500 รอบ/นาที ในขณะที่รุ่นซิงเกิ้ลแค็บขับเคลื่อน 4 ล้อ มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 2.5  วีจีเทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ให้สมรรถนะสูงสุดที่ 178 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 400  นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 รอบ/นาที
     สุดท้ายเป็นเครื่องยนต์เบนซินรหัส 4G64  ขนาด 2.4 ลิตร  ให้แรงม้าสูงสุด 128 แรงม้า ที่ 5,250  รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 194 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที

     Mitsubishi Triton ใหม่ ติดตั้งอุปกรณ์ความปลอดภัยมากมาย อาทิเช่น ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ASTC (Active Stability & Traction Control) ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist) และระบบเสริมแรงเบรก BA (Brake-Assist)  เป็นต้น

เคสมือถือ print รูปได้ - เปลี่ยนสมาร์ทโฟนเป็นโพราลอยด์

 “Prynt” เคสอัจฉริยะเปลี่ยนสมาร์ทโฟนเป็นโพราลอยด์

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
เตรียมวางแผง “Prynt” เคสอัจฉริยะเปลี่ยนสมาร์ทโฟนเป็นโพราลอยด์
        เตรียมวางแผงแล้วกับเคสสมาร์ทโฟนอัจฉริยะ “Prynt” ที่สามารถเปลี่ยนสมาร์ทโฟนธรรมดาๆ ให้กลายเป็นกล้องโพลารอยด์ได้ ผลงานการพัฒนาของบริษัทจากแดนน้ำหอม
     
       แนวคิดในการพัฒนาดังกล่าวเริ่มมาตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยทางบริษัทซึ่งเป็นบริษัทสตาร์ทอัปเล็กๆ ของฝรั่งเศส และได้เข้าไประดมทุนใน Kickstarter เมื่อได้ทุนตามที่ต้องการแล้วก็ใช้เวลาในการหาชิ้นส่วนต่างๆ ในเมืองเซินเจิ้น ประเทศจีน เพื่อมาประกอบเป็นเคสสมาร์ทโฟนที่เพียงแค่เสียบเข้ากับพอร์ตของ Prynt ไม่จำเป็นต้องมีบลูทูธ หรือไวไฟก็สามารถปรินทต์ภาพออกมาได้เป็นผลสำเร็จ
     
       แม้ในรุ่นทดสอบ ตัวเคสจะมีขนาดที่เทอะทะไปบ้างเมื่อมาประกอบเข้ากับสมาร์ทโฟน แต่ก็ถือว่าสะดวกกว่าการพกพาปรินเตอร์ตัวจริงไปด้วยแน่นอน
     
       โดยในเวอร์ชันล่าสุดของเคสสมาร์ทโฟนรุ่นดังกล่าว ใช้เวลาประมาณ 50 วินาทีในการพิมพ์ภาพ 1 ภาพ และสามารถรองรับกระดาษให้ครั้งละ 1 แผ่นเท่านั้น ซึ่งแผนสำหรับเวอร์ชันที่จะวางตลาดนั้นจะพัฒนาให้สามารถใส่กระดาษได้ 10-30 แผ่น รวมถึงต้องลดเวลาในการพิมพ์ในเหลือภาพละ 30 วินาที หรือต่ำกว่านั้น
     
       Clément Perrot ซีอีโอของ Prynt เผยว่า ราคาของเคสรุ่นนี้อยู่ที่ประมาณ 99 เหรียญสหรัฐ คาดว่าจะสามารถวางจำหน่ายได้อย่างเป็นทางการในช่วงต้นปีหน้า และคาดว่าจะสามารถซัปพอร์ตสมาร์ทโฟนรุ่นดังๆ ที่มีหน้าจอ ~4.x นิ้วจำนวนมากได้
     
       นอกจากเป็นเคสอัจฉริยะแล้ว ทางค่ายผู้พัฒนายังส่งแอปชื่อเดียวกันมาด้วย เป็นแอปเพื่อการถ่ายภาพ ซึ่งหนึ่งในฟีเจอร์เด่นของแอป Prynt คือ เมื่อถ่ายภาพด้วยแอปดังกล่าว แอปทำการบันทึกวิดีโอในช่วงเวลานั้นเอาไว้ด้วย และเมื่อเจ้าของเครื่องนำภาพที่ปรินต์ออกมาด้วย Prynt มาส่องบริเวณกล้องดิจิตอลของสมาร์ทโฟน ระบบจะเปิดคลิปวิดีโอช่วงเวลาที่ภาพนั้นถูกถ่ายขึ้นมาให้ได้ชมกัน

เหนียวไก่ ฟีเวอร์ ชาวเน็ตตัดต่อภาพล้อสุดฮา แบรนด์ดังก็เอาด้วย



เหนียวไก่ ฟีเวอร์ ชาวเน็ตตัดต่อภาพล้อสุดฮา แบรนด์ดังก็เอาด้วย

ดู Clip เหนียวไก่
https://www.youtube.com/watch?v=vcYHhBctNFU



       
เหนียวไก่ ฟีเวอร์ ชาวเน็ตตัดต่อภาพล้อสุดฮา แบรนด์ดังก็เอาด้วย

คลิปเหนียวไก่หาย
คลิปเหนียวไก่หาย

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก Oishi Drink Stationเฟซบุ๊ก Systema Thailandเฟซบุ๊ก คนอะไรเป็นแฟนหมีเฟซบุ๊ก LG Life's Goodเฟซบุ๊ก KFCwongnai.comเฟซบุ๊ก น้องล่า เหนี่ยวไก่

            คลิปเหนียวไก่ ดังเว่อร์ คนแห่แชร์กระจาย ตัดต่อภาพล้อเลียน น้องไลล่า ตามหาข้าวเหนียวไก่ที่หายไป

            ฮิตกันจริงกันจัง กับคลิปเหนียวไก่ ที่ น้องไลล่า น.ส.ขนิษฐา จันทร์สว่าง สาวน้อยชาวใต้ ออกมาระบายอารมณ์หลังซื้อข้าวเหนียวไก่ที่บริเวณสี่แยกเจ๊ะบิลัง แล้วเอาไปวางไว้หน้าตะกร้ารถจักรยานยนต์ จากนั้นจึงเข้าไปซื้อของในร้านสะดวกซื้อ แต่สุดท้ายมีโจรมือดีลักข้าวเหนียวไก่ของเธอไป งานนี้เธอจึงมาระบายความคับแค้นที่ถูกขโมย "เหนียวไก่" ผ่านโซเชียล จนกลายเป็นคลิปยอดฮิตขึ้นมาชั่วข้ามคืน และล่าสุด ชาวเน็ตก็ได้ตัดต่อภาพสุดฮา อิงกระแสเหนียวไก่ด้วยเลย
            ส่วนภาพตัดต่อของน้องไลล่ากับเหนียวไก่นั้น ก็มีทั้งภาพสุดฮิตของนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ที่ถือถึงเหนียวไก่เดินกลับมาจากวัด อันเป็นภาพที่เคยโด่งดังตอนมีคนล้อว่า ชัชชาติ คือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี และยังมีการตัดต่อหน้าน้องไลล่า เข้ากับการ์ตูนล้อ "ผมนี่...รีบคืนเหนียวไก่เลย" สร้างเสียงหัวเราะฮา ๆ กันไป

            แต่ความดังของน้องไลล่าและเหนียวไก่ ยังไม่จบเพียงเท่านี้ เพราะเหล่าแบรนด์สินค้าต่าง ๆ ก็ขอเกาะกระแสเหนียวไก่ ด้วยการโพสต์รูปสินค้าของตัวเอง คู่รูปข้าวเหนียวไก่ และปิดท้ายด้วยข้อความสุดฮิตอย่าง เหนียวไก่ จนกลายเป็นเทรนด์ฮิต คนแชร์กันกระจาย

            ว่าแต่...ตอนนี้น้องไลล่าดังแล้ว หาเหนียวไก่เจอหรือยังจ๊ะ อิอิ




       

Microsoft Windows 10 ระบบปฏิบัติการเดียวสำหรับทุกอุปกรณ์ของ Microsoft

Microsoft เปิดตัว Windows 10 อย่างเป็นทางการ ระบบปฏิบัติการเดียวสำหรับทุกอุปกรณ์ของ Microsoft

ที่มา: The Verge, WPCentral, Neowin. http://www.appdisqus.com/


Microsoft เปิดตัว Windows 10 อย่างเป็นทางการ ระบบปฏิบัติการเดียวสำหรับทุกอุปกรณ์ของ Microsoft
1.7KSHARES
0
เปิดตัวแล้วตามคาดครับสำหรับระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นต่อไปของ Microsoft ที่เป็นก้าวแรกของการรวมกันของระบบปฏิบัติการทั้งหมดของ Microsoft ภายใต้รหัสที่เรารู้จักกันในนามว่า Threshold
แต่สิ่งที่ผิดคาดคือชื่ออย่างเป็นทางการของระบบเวอร์ชั่นต่อไปนี้ ที่ Microsoft เรียกมันอย่างเป็นทางการว่า Windows 10 (ส่วนตัวผมให้ความรู้สึกเหมือน OSX พอสมควร)
Windows_10_Product_Family

Windows 10 จะเป็นระบบปฏิบัติการที่รวมออกแบบมาให้สามารถใช้งานได้กับทุกอุปกรณ์และทุกขนานหน้าจอรวมถึงทุกๆรูปแบบการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานร่วมกับหน้าจอทัชสกรีน หรือร่วมกับเมาส์และคีย์บอร์ดตามปกติ นอกจากนี้นักพัฒนายังสามารถสร้างแอพแบบ Universal app ให้สามารถใช้งานได้กับทุกๆอุปกรณ์ที่ใช้งานระบบ windows 10 นี้ได้ทันที
ในแง่ของการใช้งาน Microsoft ได้ออกแบบมาให้ใกล้เคียงกับการใช้งานระบบ Windows 7 มากที่สุด โดย Microsoft ให้เหตุผลว่า เพราะคนหลายล้านคนยังใช้งานระบบ Windows 7 อยู่ และ Microsoft ต้องการให้คนเหล่านี้เปลี่ยนมาใช้ระบบ Windows 10 ได้อย่างง่ายดายและไม่ขัดต่อความรู้สึกมากนัก แต่ยังคงหลายๆอย่างของ Windows 8 เอาไว้อยู่ (เช่นแอพแบบ modern หรือหน้าจอ modern UI บางส่วน)
windows10startmenu6_1020_verge_super_wide
windows10startmenu5_1020_verge_super_wide


หรือถ้าจะให้สรุปก็คือ Windows 10 จะเป็นส่วนผสมที่ลงตัวระหว่าง Windows 7 และ Windows 8 นั่นเอง

ความเปลี่ยนแปลง การกลับมาของ start menu
windows10startmenu3_1020_verge_super_wide

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดที่สุดคือ การนำปุ่ม start menu แบบใน Windows 7 กลับมาและการนำหน้าจอ modern/metro บน Windows 8 ออกไป ทั้งนี้จะบอกว่า Microsoft เอาหน้าจอ Modern ของ Windows 8 ออกไปทั้งหมดคงไม่ถูกเสียทีเดียว เพราะ Microsoft ได้จับเอา start menu และ modern UI มารวมกันเป็น start menu ของ Windows 10 นั่นเอง
Live tiles และการเรียกใช้งานแอพแบบ modern (แบบใน Windows 8) จะยังคงอยู่ (ดังภาพ) ซึ่งผู้ใช้สามารถปรับขนาดและปรับการใช้งานให้เหมาะสมกับตัวเองได้เช่นเดิม
vrg_1110

แต่วิธีการใช้งานแอพแบบ modern หรือแอพที่ติดตั้งผ่าน Windows store จะเปลี่ยนไป จากเดิมที่ระบบจะสลับหน้าจอไปมาระหว่าง desktop แบบปกติไปเป็นหน้าจอแบบ modern แต่ใน windows 10 การใช้งานนี้จะเปลี่ยนไป โดยเราสามารถย่อหน้าต่างการใช้งานแอพแบบ modern บนหน้าจอ desktop ได้เลย (ตามรูป) นั่นทำให้การใช้งานแอพแบบ modern และแอพแบบ desktop จะไม่มีความต่างกันมากในความรู้สึกเหมือนบน Windows 8
VRG_1095.0

ระบบ task view ที่เพิ่มเข้ามาใหม่ ซึ่งเปรียบเสมือนกับคุณสมบัติ Expose บน OSX ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ช่วยให้เราสามารถจัดการแอพที่ทำงานอยู่ในรูปแบบ multi-tasking ได้
Windows_10_Screenshot2

นอกจากนี้ยังมีระบบ Multiple desktop ที่เป็นเหมือนกับระบบ sand box ส่วนตัวที่เราสามารถสร้าง desktop สำหรับการทำงานเฉพาะที่เราต้องการได้หลายๆ desktop และสามารถสลับไปมาระหว่างแต่ละ desktop ได้ทันที และมีระบบ snap view ที่เราสามารถเลือกเปิดโปรแกรมหรือแอพไว้ข้างๆกันได้สูงสุดถึง 4 แอพ
รายละเอียดอื่นๆนั้น Microsoft ยังเปิดเผยออกมาไม่หมด เพียงแต่ระบุว่า Windows 10 ที่เปิดตัววันนี้นั้น เป็นเพียงระบบในเวอร์ชั่นแรกๆของการพัฒนาเท่านั้น (early build) ส่วนระบบปฏิบัติการ windows 10 รุ่นวางขายจริงคาดว่าจะวางจำหน่ายได้ช่วงหลังจากกลางปีหน้าเป็นต้นไป
นอกจากนี้ Microsoft ยังปล่อยวิดีโอแนะนำคุณสมบัติใหม่ๆใน Windows 10 ด้วยตามนี้ครับ

 
ส่วนโครงการสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสระบบปฏิบัติการ Windows 10 ก่อนใครที่ Microsoft เรียกว่าโครงการ “Insider Program” นั้น Microsoft จะเปิดให้ผู้เข้าร่วมโครงการได้ดาวน์โหลดไฟล์ติดตั้งสำหรับระบบ Windows 10 Technical Preview ได้ในช่วงวันนี้ (พุธที่ 1 ตุลาคม) เป็นต้นไป
ผู้สนใจที่ยังไม่ได้เข้าร่วมโครงการ Insider Program ก็สามารถลงทะเบียนได้จากที่นี่ครับ

แล้วส่งผลอย่างไรกับผุ้ใช้ Windows phone?
Windows_10
Microsoft ยืนยันแล้วว่าสำหรับผู้ใช้ windows phone นั้น อัพเดทระบบครั้งใหญ่ครั้งต่อไป จะเป็นการอัพเดทระบบเป็น windows 10 เช่นกัน เพราะฉะนั้นผู้ที่ใช้งานระบบ Windows phone 8.1 อยู่ อัพเดทระบบครั้งต่อไป จะได้ก้าวกระโดดไปเป็น Windows 10 เช่นกัน (แต่แน่นอนว่าระบบ Windows 10 สำหรับระบบปฏิบัติการมือถือจะไม่มีหน้าจอการใช้งานแบบ desktop mode ครับ)

ส่วนรายละเอียดเพิ่มเติมเฉพาะสำหรับส่วนที่เกี่ยวข้องกับระบบปฏิบัติการโทรศัพท์มือถือโดยตรงยังไม่มีการระบุออกมา ซึ่งเราคงต้องติดตามความคืบหน้าต่อไป พร้อมๆกับที่ Microsoft จะเปิดเผยรายละเอียดของระบบ windows 10 มากขึ้น ในงาน BUILD 2015 ช่วงต้นปีหน้าต่อไป




รถบินได้

“รถบิน” ผ่านการทดสอบ!! คาดวางขายได้ในปีหน้า 

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
นิวยอร์กเดลี/เดลิเมล์/เฮรัลด์ซัน - บริษัทสัญชาติสหรัฐฯ แถลงเมื่อวันอังคาร (3) ยานยนต์ต้นแบบของรถบินเสร็จสิ้นการบินทดสอบเที่ยวแรกแล้ว ส่งผลให้พวกเขาขยับเข้าใกล้เป้าหมายที่เตรียมนำรถบินออกวางจำหน่ายในปีหน้า ขณะที่จนถึงตอนนี้มียอดจองกว่า 100 คันแล้ว
“รถบิน” ผ่านการทดสอบ!! คาดวางขายได้ในปีหน้า (ชมคลิป)
        ยนตกรรมนี้ที่ได้รับฉายาว่า “Trasition” เป็นยานพาหนะ 2 ที่นั่ง 4 ล้อและมีปีกที่สามารถพับได้ ดังนั้น ยามที่มันลงสู่ผืนดินมันจึงสามารถแล่นบนถนนได้เหมือนกัยรถยนต์ และเมื่อเดือนที่แล้วทางบริษัทผู้ผลิต “เทอร์ราฟูเจีย” ได้นำมันขึ้นทดสอบบินครั้งแรก ณ ความสูง 1,400 ฟุตเป็นเวลา 8 นาที ขณะที่เครื่องบินพาณิชย์ทั่วๆ ไปจะบินที่ความสูงราว 35,000 ฟุต
“รถบิน” ผ่านการทดสอบ!! คาดวางขายได้ในปีหน้า (ชมคลิป)
        ถึงตอนนี้มีลูกค้าราว 100 คน ที่วางเงินมัดจำ 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเป็นเจ้าของ Trasition ยามที่มันถูกออกวางจำหน่ายและคาดหมายว่ายอดจองน่าจะสูงขึ้นไปอีกหลังจากเทอร์ราฟูเจีย เตรียมเปิดตัวรถบินได้นี้ต่อสาธารณชนในช่วงปลายสัปดาห์นี้ ณ นิวยอร์ก ออโตโชว์ ขณะเดียวกันก็คาดหมายว่าเจ้ารถบิน Trasition มีราคาอยู่ราวๆ 279,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 8.6 ล้านบาท)
     
       อย่างไรก็ตาม ยนตรกรรมนี้ไม่สามารถช่วยผู้ขับขี่ได้หากว่าติดอยู่ท่ามกลางการจราจรที่แออัด เนื่องจากมันจำเป็นต้องใช้รันเวย์สำหรับขึ้นหรือลงนั่นเอง
“รถบิน” ผ่านการทดสอบ!! คาดวางขายได้ในปีหน้า (ชมคลิป)
        โรเบิร์ต แมนน์ นักวิเคราะห์อุตสาหกรรมการบินบอกว่ารถบินอยู่ในจินตนาการของชาวอเมริกันอยู่เสมอ และนักลงทุนเคยพยายามสร้างยนตกรรมนี้มาตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1930
     
       แต่ทาง แมนน์ เชื่อว่าบริษัทเทอร์ราฟูเจีย เข้าใกล้ที่สุดสำหรับสานฝันรถยนต์บินได้ให้กลายเป็นความจริง หลังจากปีที่แล้วรัฐบาลก็ได้อนุมัติคำร้องให้ใช้ยางพิเศษ และกระจกที่ทำจากวัสดุโพลีคาร์บอเนต ที่จะไม่ถ่วงยานยนต์นี้ระหว่างที่มันบินอยู่บนอากาศ
     
       นอกจากนี้แล้ว สำนักงานความปลอดภัยด้านการจราจรบนทางหลวงแห่งชาติของสหรัฐฯ ยังอนุมัติยกเว้น Trasition จากการติดตั้งระบบควบคุมการทรงตัวเป็นการชั่วคราว เนื่องจากอุปกรณ์ชนิดนี้จะเป็นการเพิ่มภาระแก่รถบินอีกราว 2.7 กิโลกรัม และเวลานี้ Trasition อยู่ระหว่างการทดสอบแบตเตอรี่สำหรับป้องการการเกิดการรั่วไหลของไฟฟ้าเมื่อมีการชน เพื่อให้มั่นใจว่ามันเป็นตรงตามมาตฐานด้านความปลอดภัย
“รถบิน” ผ่านการทดสอบ!! คาดวางขายได้ในปีหน้า (ชมคลิป)
        แมนน์ บอกว่าทาง เทอร์ราฟูเจีย อาศัยช่องทางการตัดสินใจของสำนักงานความปลอดภัยด้านการจราจรบนทางหลวงแห่งชาติของสหรัฐฯ เมื่อ 5 ปีก่อน สำหรับการกำหนดมาตรฐานอากาศยานเบาพิเศษที่ควบคุมขนาด ความเร็วของเครื่องบินและนักบินต้องมีใบอนุญาต ซึ่งมีเงื่อนไขน้อยกว่าการยื่นคำร้องขอใบอนุญาตบินด้วยเครื่องบินขนาดใหญ่
     
       ทั้งนี้ เทอร์ราฟูเจียระบุว่าผู้ที่ต้องการเป็นเจ้าของ Trasition แค่ต้องผ่านการทดสอบและมีประสบการณ์การบินอย่างน้อย 20 ชั่วโมงเท่านั้น อันนับเป็นข้อกำหนดขั้นต่ำสุดสำหรับนักบิน
     
       ยนตกรรมคันนี้มีความเร็วบนถนนราว 70 ไมล์ต่อชั่วโมง แต่หากเจอรถติดก็สามารถทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าบินไปได้ไกลกว่า 460 ไมล์ และบินด้วยความเร็ว 115 ไมล์ต่อชั่วโมง
“รถบิน” ผ่านการทดสอบ!! คาดวางขายได้ในปีหน้า (ชมคลิป)
        

Iphone 6 - ไอโฟน 6

รวมข้อมูล ราคา iPhone 6 ข่าวลือ สเปคและวันเปิดตัว อัพเดตล่าสุด

Screen Shot 2014-09-10 at 2.11.00 AM
ในที่สุดก็เปิดตัวซักทีนะครับสำหรับ iPhone 6 หน้าจอ 4.7 นิ้ว และ iPhone 6 Plus ที่มีหน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว เรียกได้ว่าไม่มีอะไรที่พลิกโผไปจากที่คาดๆ กันมากเท่าไหร่นัก ว่าแต่ในงานเราได้ทราบอะไรเกี่ยวกับ iPhone 6 และ iPhone 6 Plus บ้าง มาดูกันเลย

>>สเปค iPhone 6 แบบเต็มๆ<<

>>สเปค iPhone 6 Plus แบบเต็มๆ<<


ราคา iPhone 6 และราคา iPhone 6 Plus

iPhone 6 Price
ราคาของ iPhone 6 และ iPhone 6 Plus มีการปรับเปลี่ยนจากใน iPhone 5s พอสมควรครับ และตอนนี้ทุกเจ้าทั้ง AIS, Dtac และ Truemove-H ก็เปิดราคา iPhone 6 และ iPhone 6 Plus ของตัวเองเป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วย ว่าแต่จะมีราคาเท่าไหร่กันบ้าง มาดูเลยครับ

ราคา iPhone 6 by Truemove-H

Screen Shot 2014-10-30 at 10.53.18 AM

ราคา iPhone 6 เครื่องศูนย์ Truemove-H (ปรับราคาแล้ว)
  • iPhone 6 ความจุ 16 GB ราคา 25,500/ 24,600 บาท
  • iPhone 6 ความจุ 64 GB ราคา 29,450/ 28,550 บาท
  • iPhone 6 ความจุ 128 GB ราคา 33,400/ 32,400 บาท
ราคา iPhone 6 Plus เครื่องศูนย์ Truemove-H (ปรับราคาแล้ว)
  • iPhone 6 Plus ความจุ 16 GB ราคา 29,450/ 28,550 บาท
  • iPhone 6 Plus ความจุ 64 GB ราคา 33,400/ 32,400 บาท
  • iPhone 6 Plusความจุ 128 GB ราคา 37,300/ 36,300 บาท

ราคา iPhone 6 by Dtac

iPhone 6 iPhone 6 Plus Dtac Price
ราคา iPhone 6 หน้าจอ 4.7 นิ้ว Dtac (เครื่องเปล่า/ติดสัญญา)
  • iPhone 6 ความจุ 16 GB ราคา 25,500/ 24,600 บาท
  • iPhone 6 ความจุ 64 GB ราคา 29,450/ 28,550 บาท
  • iPhone 6 ความจุ 128 GB ราคา 33,400/ 32,400 บาท
ราคา iPhone 6 Plus หน้าจอ 5.5 นิ้ว Dtac (เครื่องเปล่า/ติดสัญญา)
  • iPhone 6 Plus ความจุ 16 GB ราคา 29,450/ 28,550 บาท
  • iPhone 6 Plus ความจุ 64 GB ราคา 33,400/ 32,400 บาท
  • iPhone 6 Plusความจุ 128 GB ราคา 37,300/ 36,300 บาท

ราคา iPhone 6 by AIS

iPhone 6 AIS Price
ราคา iPhone 6 หน้าจอ 4.7 นิ้ว AIS (เครื่องเปล่า/ติดสัญญา)
  • iPhone 6 ความจุ 16 GB ราคา 25,500/ 24,800 บาท
  • iPhone 6 ความจุ 64 GB ราคา 29,400/ 28,650 บาท
  • iPhone 6 ความจุ 128 GB ราคา 33,400/ 32,350 บาท
ราคา iPhone 6 Plus หน้าจอ 5.5 นิ้ว AIS (เครื่องเปล่า/ติดสัญญา)
  • iPhone 6 Plus ความจุ 16 GB ราคา 29,400/ 28,650 บาท
  • iPhone 6 Plus ความจุ 64 GB ราคา 33,400/ 32,350 บาท
  • iPhone 6 Plusความจุ 128 GB ราคา 37,300/ 35,950 บาท

ราคา iPhone 6 และ iPhone 6 Plus ในไทย เครื่องเปล่า จาก Apple Store

iPhone 6 iPhone 6 Plus Apple Online Store Price
ราคาตรงนี้เป็นราคา iPhone 6 และ iPhone 6 Plus ที่ทาง Apple วางขายเองครับ (ซื้อกับ Apple โดยตรง) เพราะฉะนั้นจะมีราคาถูกกว่า iPhone 6 และ iPhone 6 Plus Dtac, AIS, Truemove-H นิดหน่อยครับ แต่จะต้องสั่งซื้อแบบ Online เท่านั้น โดยจะมีบริการส่งของจาก DHL ครับ ใช้เวลาไม่นาน (ถ้าตอนนั้นมีของในสต็อก)
ราคา iPhone 6 เครื่องศูนย์ Apple Store (เครื่องเปล่าเท่านั้น)
  • iPhone 6 ความจุ 16 GB ราคา 24,900 บาท
  • iPhone 6 ความจุ 64 GB ราคา 28,900 บาท**
  • iPhone 6 ความจุ 128 GB ราคา 32,900 บาท**
ราคา iPhone 6 Plus เครื่องศูนย์ Apple Store (เครื่องเปล่าเท่านั้น)
  • iPhone 6 Plus ความจุ 16 GB ราคา 28,900 บาท
  • iPhone 6 Plus ความจุ 64 GB ราคา 32,900 บาท**
  • iPhone 6 Plus ความจุ 128 GB ราคา 34,900 บาท**
**หมายเหตุ เป็นราคาที่ทีมงานคำนวณขึ้นมาเอง อ้างอิงจากราคาเริ่มต้นที่หน้าเว็บ Apple Store**

ราคาเครื่องหิ้ว iPhone 6 และ iPhone 6 Plus ที่ MBK มาบุญครอง

Screen Shot 2014-10-24 at 6.26.35 AM
ไม่มีอะไรผลิกโผมากนักสำหรับราคา iPhone 6 และ iPhone 6 Plus เครื่องหิ้วจากมาบุญครอง ซึ่งตอนนี้ก็ได้ทยอยเปิดรับจองกันแล้ว โดยสามารถรับเครื่องได้ประมาณวันที่ 20 – 21 กันยายน 2014 (iPhone 6 กับ iPhone 6 Plus วางขายครั้งแรกวันศุกร์ที่ 19 กันยายน 2014) ส่วนราคาเครื่องหิ้ว iPhone 6 กับ iPhone 6 Plus ก็ตามนี้เลยครับ โดยมีเครื่องหิ้วจากหลายที่ให้เลือกซื้อ ไม่ว่าจะเป็น iPhone 6 เครืองสิงคโปร์, iPhone 6 เครื่องออสเตรเลีย, iPhone 6 เครื่องฮ่องกง ซึ่งล้วนแต่เป็นเครื่อง Official Unlocked คือเครื่องที่สามารถใช้ในประเทศไทยได้ ส่วนพวก iPhone 6 กับ iPhone 6 Plus เครื่องหิ้ว US (สหรัฐอเมริกา) จะเป็นเครื่องติดล็อกครับ ราคาอาจจะถูกกว่านิดหน่อย แต่ก็ต้องเสียเงินค่าปลดล็อกเพื่อให้สามารถใช้ในประเทศไทยได้อยู่ดี ส่วนมากค่าปลดล็อก iPhone 6 ก็จะอยู่ที่ประมาณ 3,000 บาทครับ
ราคา iPhone 6 หน้าจอ 4.7 นิ้ว เครื่องหิ้ว MBK (ราคาเฉลี่ย)
  • iPhone 6 ความจุ 16 GB ราคาประมาณ 26,500 บาท
  • iPhone 6 ความจุ 64 GB ราคาประมาณ 32,500 บาท
  • iPhone 6 ความจุ 128 GB ราคาประมาณ 34,000 บาท
ราคา iPhone 6 Plus หน้าจอ 5.5 นิ้ว เครื่องหิ้ว MBK (ราคาเฉลี่ย)
  • iPhone 6 Plus ความจุ 16 GB ราคาประมาณ 28,800 บาท
  • iPhone 6 Plus ความจุ 64 GB ราคาประมาณ 34,800 บาท
  • iPhone 6 Plus ความจุ 128 GB ราคาประมาณ 35,800 บาท

ความจุ iPhone 6 และความจุของ iPhone 6 Plus

iPhone-6-Plus-photos (7)
สำหรับความจุของ iPhone 6 กับ iPhone 6 Plus จะมีการเปลี่ยนแปลงไปจากใน iPhone 5s นิดหน่อย คือจะตัดความจุที่ 32 GB ออกไป และเพิ่มความจุ 128 GB เข้ามาแทน สรุปง่ายๆ คือ iPhone 6 กับ iPhone 6 Plus จะมีด้วยกัน 3 ความจุ ได้แก่ 16 GB/ 64 GB และ 128 GB

iPhone 6 กับ iPhone 6 Plus ในประเทศไทย วางขายเมื่อไหร่ ที่ไหนบ้าง

Galaxy-S3-AIS_dtac_Truemove-H_thumb
สำหรับ iPhone 6 กับ iPhone 6 Plus ในประเทศไทยน่าจะวางขายประมาณช่วงปลายเดือนตุลาคม ถึงช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนเช่นเดียวกับ iPhone 5s และแน่นอนว่าจะต้องวางขายผ่านทางโอเปอร์เรเตอร์อย่าง DTAC, Truemove-H และ AIS เช่นเคย และมาพร้อมกับสัญญาเป็นแพคเกจรายเดือนขั้นต่ำ 3 เดือน แต่ถ้าใครไม่อยากซื้อเครื่อง iPhone 6 กับ iPhone 6 Plus ผ่านทางโอเปอร์เรเตอร์ (เพราะไม่อยากติดสัญญาขั้นต่ำ 3 เดือน) ก็อาจจะต้องรอซักพักจึงจะสั่งซื้อผ่าน Apple Store Thailand ได้ครับ

หน้าตา iPhone 6 กับ iPhone 6 Plus

iPhone-6-Plus-photos
รอบนี้ Apple ปิดข่าวได้ไม่มิดเท่าที่ควรครับเพราะ iPhone 6 กับ iPhone 6 Plus มีหน้าตาเหมือนกับเครื่องที่หลุดมาก่อนหน้านี้เป๊ะเลย ไม่ว่าจะมองมุมไหน มันก็คือเครื่อง Mockup ที่มีการใส่รายละเอียดเข้าไปชัดๆ แต่สิ่งที่จะแตกต่างจาก iPhone 5s ก็คงจะเป็นการย้ายปุ่ม Sleep/Wake จากที่แต่เดิมมันเคยอยู่บริเวณด้านบนของตัวเครื่องมาโดยตลอด แต่ใน iPhone 6 กับ iPhone 6 Plus ปุ่ม Sleep/Wake ถูกย้ายมาอยู่ทางด้านขวาของตัวเครื่องเป็นที่เรียบร้อย เพื่อให้รองรับกับหน้าจอที่มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิม การกดปุ่ม Sleep/Wake ทางด้านข้างจะสามารถใช้งาน iPhone 6 และ iPhone 6 Plus ได้สะดวกมากกว่า อีกทั้งตัวเครื่อง iPhone 6 กับ iPhone 6 Plus จะมนกว่า iPhone 5s พอสมควร
iPhone-6-Plus-photos (1)
ส่วนเรื่องความบางของ iPhone 6 กับ iPhone 6 Plus เป็นที่แน่นอนอยู่แล้วว่ามันบางกว่า iPhone 5s พอสมควรเลยหล่ะ ต่อให้เป็น iPhone 6 Plus ก็ยังบางกว่า iPhone 5s อยู่ดี

สเปค iPhone 6 กับ iPhone 6 Plus

iPhone 6 กับ iPhone 6 Plus จะมาพร้อมกับสเปคที่มีความใกล้เคียงกันมาก โดยความแตกต่างของทั้ง 2 รุ่นที่เห็นได้ชัดก็คงจะเป็นเรื่องของขนาดหน้าจอ, มิติตัวเครื่อง,น้ำหนัก และแบตเตอรี่ สำหรับสเปคของ iPhone 6 กับ iPhone 6 Plus ก็ตามนี้เลย

สเปค iPhone 6

  • iPhone 6 หน้าจอขนาด 4.7 นิ้ว ความละเอียด 1334×750  พิกเซล 326 ppi
  • CPU Apple A8 เทคโนโลยีแบบ 64 Bit
  • มาพร้อมชิป M8 สามารถวัดความดัน, ความสูงได้
  • Ram 1 GB
  • หน่วยความจำภายใน 16/64/128 GB
  • มาพร้อมกับ iOS 8.0 ตัวเต็ม
  • กล้องหลังความละเอียด 8 ล้านพิกเซล f/2.2 พร้อมระบบกันภาพสั่นไหว และ True-Tone Flash
  • กล้องหน้าความละเอียด 2 ล้านพิกเซล f/2.2
  • รองรับการใช้งาน 4G LTE
  • รองรับ VoLTE สามารถสนทนาโทรศัพท์ผ่านคลื่น LTE ได้เลย
  • iPhone 6 หนา 6.9 มิลลิเมตร
  • มีด้วยกัน 3 สี ได้แก่
  • iPhone 6 ราคาเริ่มต้น $199 เป็นราคาติดสัญญา 2 ปีที่ต่างประเทศ
  • สเปค iPhone 6 แบบเต็มๆ

สเปค iPhone 6 Plus

  • iPhone 6 หน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด 1920x 1080 พิกเซล 404 ppi
  • CPU Apple A8 เทคโนโลยีแบบ 64 Bit
  • Ram 1 GB
  • หน่วยความจำภายใน 16/64/128 GB
  • มาพร้อมกับ iOS 8.0 ตัวเต็ม
  • มี UI ใกล้เคียงกับใน iPad สามารถเปิดใช้งานพร้อมกัน 2 แอพได้
  • กล้องหลังความละเอียด 8 ล้านพิกเซล Auto Focus พร้อมระบบกันภาพสั่นไหว OIS และTrue-Tone Flash
  • กล้องหน้าความละเอียด 2 ล้านพิกเซล f/2.2
  • รองรับการใช้งาน 4G LTE
  • รองรับ VoLTE สามารถสนทนาโทรศัพท์ผ่านคลื่น LTE ได้เลย
  • iPhone 6 Plus หนา 7.1 มิลลิเมตร
  • มีด้วยกัน 3 สี ได้แก่ สีดำ, เงิน และสีทอง
  • iPhone 6 Plus ราคาเริ่มต้น $299 เป็นราคาติดสัญญา 2 ปีที่ต่างประเทศ
  • สเปค iPhone 6 Plus แบบเต็มๆ
A8-SOC
ถึงแม้สเปคของ iPhone 6 และ iPhone 6 Plus จะไม่ได้มีความแตกต่างไปจาก iPhone 5s มากนัก (โดยเฉพาะในส่วนของ CPU และ GPU) แต่ถ้าเทียบกับประสิทธิภาพก็ต้องบอกว่ามันได้รับการปรับปรุงขึ้นมาจากเดิมมากพอสมควร โดยซีพียู Apple A8 ของ iPhone 6 และ iPhone 6 Plus เป็นเทคโนโลยีแบบ 20 นาโนเมตร ซึ่งจะแรงกว่าเดิมถึง 20% และประหยัดพลังงานมากกว่าเดิมถึง 50% รวมถึงชิป M8 ที่มาช่วยจัดการในเรื่องของเซนเซอร์ต่างๆ ก็มีการพัฒนาไปจากชิป M7 ก่อนหน้านี้พอสมควร เพราะมันสามารถวัดระดับความชัน, ระดับความสูง และวัดความดันได้ครับ

หน้าจอ iPhone 6 กับ iPhone 6 Plus

Screen Shot 2014-09-10 at 2.18.43 AM
หน้าจอของ iPhone 6 และ iPhone 6 Plus มีการหักปากกาเซียนเล็กน้อย เพราะมันไม่ได้ทำมาจาก Sapphire อย่างที่ได้เข้าใจกัน และคงเป็นหน้าจอ IPS เช่นเดิมครับ สำหรับความละเอียดหน้าจอก็มีความแตกต่างกัน โดย iPhone 6 จะมีหน้าจอขนาด 4.7 นิ้ว ความละเอียด 1334×750  พิกเซล 326 ppi ส่วนหน้าจอของ iPhone 6 Plus จะเป็นหน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด 1920x 1080 พิกเซล 404 ppi โดยหน้าจอของ iPhone 6 และ iPhone 6 Plus ก็ยังคงเป็นหน้าจอที่กันรอยขีดข่วนอยู่เหมือนเดิม

แบตเตอรี่ iPhone 6 และแบตเตอรี่ iPhone 6 Plus

batetry iPhone 6
เชื่อว่าเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ผู้ใช้ iPhone อยากให้มันเพิ่มขึ้น และใช้งานได้นานกว่าเดิม ถึงแม้ว่าเราจะไม่ทราบข้อมูลเกี่ยวกับความจุแบตเตอรี่ของทั้ง iPhone 6 และ iPhone 6 Plus แต่ Apple ก็ได้แสดงให้เห็นว่า แบตเตอรี่ของ iPhone 6 Plus ใช้งานได้นานกว่าเดิมพอสมควรเลย (ส่วนหนึ่งมาจากขนาดตัวเครื่องที่ใหญ่ขึ้น ส่งผลให้แบตเตอรี่มีขนาดใหญ่ขึ้นตาม) จากรูปจะเห็นเลยว่าแบตเตอรี่ iPhone 6 เมื่อเทียบกับ iPhone 5s ไม่ค่อยมีความแตกต่างมากนัก แต่สำหรับแบตเตอรี่ของ iPhone 6 Plus นี่จัดว่าของจริงเลยครับ เพราะแบตเตอรี่ของ iPhone 6 Plus สามารถใช้งานได้นานกว่าเดิมพอสมควรเลย อย่างน้อยมันก็ใช้งาน LTE ได้นานถึง 12 ชั่วโมงเลยนะ

กล้อง iPhone 6 และ กล้อง iPhone 6 Plus

iphone-cam
ยังคงใช้กล้องหลังความละเอียด 8 ล้านพิกเซลเท่าเดิม f/2.2 แต่มีการเปลี่ยนเซนเซอร์ใหม่ยกชุด ทำให้การจับโฟกัสทำได้รวดเร็วขึ้นด้วย Focus Pixels (การโฟกัสด้วยพิกเซล) Noise ลดลง รวมถึงใช้ระบบประมวลผลกล้องรุ่นใหม่ และที่สำคัญคือกล้องหลังของ iPhone 6 Plus ยังมาพร้อมกับระบบกันภาพสั่นไหวแบบ OIS ส่วนการถ่ายวีดีโอบน iPhone 6 กับ iPhone 6 Plus จะสามารถถ่ายวีดีโอความละเอียดสูงสุด Full HD 1080p ที่ 30 fps หรือ 60 fps และถ่ายวีดีโอ Slo-Mo ได้ที่ 120 fps หรือ Super Slo-Mo240 fps (สโลวยิ่งกว่าเดิม) ที่ความละเอียด 720p
กล้องหน้า Facetime ของ iPhone 6 กับ iPhone 6 Plus ก็ได้ทำการยกเครื่องใหม่ f/2.2 ใช้เซนเซอร์ชุดใหม่ รองรับการถ่าย Burst-Shot รวมถึงกล้องหน้าจะถ่ายรูปได้สว่างกว่าเดิมถึง 81% (น่าจะถูกใจขาเซลฟี่มากทีเดียว) บอกเลยว่าไม่ธรรมดาจริงๆ สำหรับกล้องของ iPhone 6 และกล้อง iPhone 6 Plus

iPhone 6 กับ iPhone 6 Plus มาพร้อมกับ NFC และระบบ Apple Pay

Apple-Pay
NFC ใน iPhone 6 กับ iPhone 6 Plus ออกแบบมารองรับ Apple Pay หรือระบบการจ่ายเงินอัจฉริยะจาก Apple ที่ทำงานร่วมกับแอพพลิเคชัน Passbook สำหรับการสแกนบัตรเครดิตก็ง่ายมากๆ เพียงถ่ายรูปบัตรเครดิตไว้ก็เป็นอันเรียบร้อย และยังสามารถใช้แอพฯ Find my iPhone ระงับการจ่ายเงินผ่าน NFC ได้อีกด้วย โดยทาง Apple การันตีว่าระบบดังกล่าวมีความรวดเร็ว และปลอดภัยสูงกว่าการรูดบัตรเครดิตซะอีก ปัญหาคือมันเริ่มใช้ที่สหรัฐอเมริกาเป็นที่แรกนี่แหละครับ ประเทศไทยก็รอไปก่อนตามระเบียบ แต่ก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะทาง Apple บอกว่าจะพยายามผลักดัน Apple Pay ให้ใช้งานได้ทั่วโลกด้วย ต่อไปนี้เวลาที่เราไปซื้อของก็แค่ใช้ iPhone + TouchID แล้วแตะที่เครื่องจ่ายเงินเท่านั้นเอง แหม่…เสียเงินนี่มันง่ายจริงๆ

มาแล้ว !!! ไมโครซอฟท์ ออฟฟิศ “ฟรี” สำหรับ iOS และแอนดรอยด์ Microsoft Office Free for Andoid and IOS



มาแล้ว! ไมโครซอฟท์ ออฟฟิศ “ฟรี” สำหรับ iOS และแอนดรอยด์


โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

มาแล้ว! ไมโครซอฟท์ ออฟฟิศ “ฟรี” สำหรับ iOS และแอนดรอยด์
พาวเวอร์พอยต์สำหรับไอแพด
        อาจไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจสำหรับการเดินหมากครั้งนี้ของไมโครซอฟท์ ที่ส่งชุดออฟฟิศ (Office suit) ทั้งเวิร์ด (Word), เอ็กเซล (Excel) และพาวเวอร์พอยด์ (PowerPoint) ออกมาให้ผู้ใช้ iOS ได้ดาวน์โหลดไปใช้ฟรีๆ บนไอแพด (iPad) และไอโฟน (iPhone) พร้อมๆ กับผู้ใช้แอนดรอยด์ ซึ่งไมโครซอฟท์ยังใจดี ผนวก Dropbox ลงไปให้ผู้ใช้อีกด้วย
       
       ส่วนที่แข่งก็แข่งไป ส่วนที่เจรจากันก็เจรจาไป และหากผลประโยชน์ลงตัวก็กลายเป็นพันธมิตรกันได้ จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่โปรดักซ์สุดหวงอย่างชุดออฟฟิศของไมโครซอฟท์ ที่รับบทสร้างรายได้ให้บริษัทมาหลายสิบปี วันนี้จะกลายเป็นของฟรีให้ผู้ใช้ iOS และแอนดรอยด์ได้ดาวน์โหลดไปใช้กันฟรีๆ โดยผู้ใช้สามารถเปิดเอกสาร สเปรดชีต รวมถึงไฟล์พรีเซนเทชันขึ้นมาแก้ไขกันได้บนอุปกรณ์เลยทีเดียว 
มาแล้ว! ไมโครซอฟท์ ออฟฟิศ “ฟรี” สำหรับ iOS และแอนดรอยด์
เวิร์ดสำหรับแอนดรอยด์
        หากยังจำกันได้ ในยุคก่อนหน้านี้ที่การใช้งานคอมพิวเตอร์ยังเป็นพีซีตั้งโต๊ะ และแทบทุกเครื่องเป็นการติดตั้งระบบปฏิบัติการวินโดวส์ รวมถึงใช้งานชุดโปรแกรมออฟฟิศ การจัดการไฟล์แทบจะถูกจำกัดให้ต้องเปิดกับโปรแกรมของตระกูลไมโครซอฟท์เท่านั้น แต่เมื่อโลกเปลี่ยนไป ไม่ว่าจะเป็นการเกิดขึ้นของ “กูเกิล” (Google) การมาถึงของสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต Chromebooks ที่ดึงผู้ใช้จำนวนมากให้เปลี่ยนพฤติกรรม อาจกล่าวได้ว่า วันนี้ก็ถึงเวลาของไมโครซอฟท์ที่จะต้องปรับตัวเพื่อให้เข้ากับแพลตฟอร์มอื่นๆ เสียที 
มาแล้ว! ไมโครซอฟท์ ออฟฟิศ “ฟรี” สำหรับ iOS และแอนดรอยด์
เอ็กเซลสำหรับแอนดรอยด์
        ไม่เพียงเท่านั้น บนสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตในปัจจุบัน ผู้บริโภคสามารถหาแอปส์ดีๆ ที่ทำงานได้ไม่ต่างกับชุดโปรแกรมออฟฟิศในราคาถูกแสนถูก หรือบางโปรแกรมก็เปิดให้ใช้งานได้ฟรี นั่นจึงทำให้ไมโครซอฟท์ไม่มีทางเลือกมากนักสำหรับการตั้งราคาของชุดออฟฟิศในยุคนี้ (ที่ต้องเป็นศูนย์) ผนวกกับผลการสำรวจในปัจจุบันที่ระบุว่า ผู้บริโภคมีการใช้งานสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตนานขึ้น นั่นคือเหตุผลว่าบริษัทต้องเร่งปรับตัวเพื่อให้แน่ใจได้ว่าชุดโปรแกรมออฟฟิศจะยังคงปรากฏอยู่บนสมาร์ทโฟน หรือก็คือในมือของผู้บริโภคให้ได้ 
มาแล้ว! ไมโครซอฟท์ ออฟฟิศ “ฟรี” สำหรับ iOS และแอนดรอยด์
เวิร์ดสำหรับไอโฟน
        อย่างไรก็ดี ปฏิเสธไม่ได้ว่าโปรแกรมออฟฟิศก็มีจุดแข็งนั่นคือ เป็นโปรแกรมที่มีการใช้งานอย่างกว้างขวาง หมายความว่า หากเราส่งไฟล์เวิร์ด, เอ็กเซล หรือพาวเวอร์พอยต์ให้กับใครสักคน มักแน่ใจได้ว่าเขาจะสามารถเปิดไฟล์นั้นได้-แก้ไขงานได้ และไฟล์หลายๆ ยี่ห้อก็ยังต้องพึ่งไมโครซอฟท์ในจุดนี้
       
       สำหรับชุดแอปส์ออฟฟิศฟรีนี้ อาจไม่มีฟีเจอร์บางอย่างเช่น การกำหนดรูปแบบคอลัมน์ หรือการแก้ไขชาร์ตในเอ็กเซล ซึ่งหากต้องการฟีเจอร์ดังกล่าว อาจต้องเปลี่ยนไปเป็น Office 365 ที่คิดค่าบริการ 10 เหรียญสหรัฐต่อเดือนแทน เพราะในเวอร์ชันดังกล่าวจะใส่ฟีเจอร์เหล่านี้ลงไปด้วย
       
       เป็นการแข่งขันที่เข้มข้น แต่ก็ทำให้ผู้บริโภคได้ใช้ของดีๆ แถมฟรีอีกด้วย